วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ผู้ปฏิวัติโฉมหน้า 'เมียญี่ปุ่น' 'มิยูกิ ฮาโตะยามะ' (Miyuki Hatoyama )






* เจ้าของสมญา 'มาร์ธา สจ๊วต ญี่ปุ่น'

* ผู้แหกกฎเหล็กหญิงแม่บ้านอยู่เหย้าเฝ้าเรือน

* นักบริหารหญิงยุคใหม่ที่เปี่ยมพลังสร้างสรรค์

* ที่ใช้หลักจัดการโดยไม่จัดการ หรือ 'Life Composer'

มักกล่าวกันเสมอว่า 'เบื้องหลังความสำเร็จของบุรุษ มักจะมีผู้หญิงคนหนึ่ง (เป็นอย่างน้อย) ยืนอยู่เบื้องหลัง เสมอ' ในกรณีของชัยชนะของ 'ยูกิโอะ ฮาโตะยามะ' นายกรัฐมนตรีคนใหม่เอี่ยมอ่องของญี่ปุ่นก็เช่นกัน ไม่ได้มีเพียงคนเดียว แต่ยังมีอีกบุคคลอีกคนหนึ่งที่โดดเด่น ตกเป็นข่าวไม่เว้นแต่ละวัน นั่นก็คือ 'มิยูกิ ฮาโตะยามะ' (Miyuki Hatoyama ) สตรีศรีภรรยาหมายเลชหนึ่งของเขานั่นเอง

ด้วยสีสัน สไตล์การแต่งกายอันล้ำสมัย และพิถีพิถัน ยามปรากฎกายต่อสาธารณชน อีกทั้งยังเต็มเปี่ยงไปด้วยความสามารถ จึงทำให้ภาพลักษณ์ของเธอไม่แตกต่างไปจาก สตรีหมายเลขหนึ่งของผู้นำสหรัฐ 'มิเชล โอบาม่า' ซึ่งเป็น 'กุนซือตัวจริง' ของโอบาม่านั่นเอง

ผู้ปฏิวัติโฉมหน้า 'เมียญี่ปุ่น'

ในอดีต'ผู้หญิงญี่ปุ่น มักเคยถูกพูดย้ำๆ ซ้ำๆ กันมาว่า ถ้าจะมีเมียต้องเมียแบบญี่ปุ่น'เพราะมักเป็นแม่บ้านแม่เรือนคอยปรนนิบัติดูแลลูก สามี แต่ไม่ค่อยมีบทบาททางสังคมให้กับสามีมากนัก แต่ปัจจุบันเมียญี่ปุ่นได้เปลี่ยนไปแล้ว เธอได้เข้ามามีบทบาททำหน้าที่ใหม่ ในฐานะ 'นักออกแบบชีวิตของผู้นำ' ซึ่งไม่แน่อาจจะถึงขั้น 'ออกแบบประเทศ' เลยก็ได้ (จะเป็นไปได้ถึงขั้นนั้นหรือไม่ คงต้องรอดูกันต่อไป)

มิยูกิ เป็นหญิงสาวชาวญี่ปุ่นที่ถือกำเนิดขึ้นในเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน แต่มาเติบโตในเมืองโกเบ ปัจจุบันอายุ 66 (มากกว่า ยูกิโอะถึง 4 ปี) เคยเป็นนักแสดงในคณะละครอยู่ที่ญี่ปุ่น ก่อนจะเดินทางไปอเมริกาในช่วงวัย 20 ที่นั่นเธอได้พบรักกับ ยูกิโอะ ฮาโตะยาม่า เมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ในมหาลัยสแตนฟอร์ด

แบ็คกราวน์ชีวิตเธอนั้นน่าสนใจ เพราะนอกจาก เคยเป็นอดีตสมาชิกของคณะนักแสดงหญิงล้วน ผู้กล้าในการที่จะประกาศว่าตัวเองเป็น 'นักประพันธ์เพลงชีวิต' (Life composer) หลังจากสามีเข้าสู่วงการเมือง เธอยังเป็นเลือกเสื้อผ้า และ อาหาร การออกแบบตกแต่งภายในบ้าน ให้กับคนอื่นทั้งประเทศ ซึ่งรวมถึงสามีของเธอด้วย ด้วยการจัดรายการทีวี ประเภททอร์คโชว์ ที่มักพูดคุยตั้งแต่เรื่องการเมือง ศาสนา ไปจนถึง เรื่องการตกแต่งภายในบ้าน จนถึงเรื่องการทำอาหาร

แทบไม่เห็นบทบาทดั้งเดิมในอดีตของเธอ ในฐานะ 'แม่บ้านอยู่บ้านเลี้ยงลูก'อีกต่อไป ดังนั้นจึงไม่น่าประหลาดใจ ว่าทำไมคะแนนที่สามีเธอได้รับ จึงล้นหลาม มิยูกิ ทำให้คิดถึงการร่วมกันหาเสียงของขบวนการ Woman for Obama ในการยึดตรึงแผนที่ ไล่เก็บคะแนนเหนือแมคเคนกันแบบรัฐต่อรัฐ

มิยูกิ มักจะพูดถึงตัวเองว่า เธอเป็นคนที่อยากรู้อยากเห็นอยู่ตลอดเวลา และยังเป็น 'ผู้นำแห่งแรงจูงใจ' (Inspirational Leadership) ในลักษณะเดียวกับที่ ริชาร์ด แบรนสันเป็น จึงไม่แปลกที่จะเห็นเธอสวมใส่กระโปรงที่ทำจากกระสอบกาแฟจนได้รับเสียงตอบรับฮือฮาจากสื่อมวลชนมาแล้ว

หากมองในมิตินักบริหาร ก็ถือว่าเธอ คือ นักสร้างความแตกต่าง นักคิดนอกกรอบ และยังเป็นผู้นำทางความคิดให้กับสามีโดยแท้ (ในเซนส์ฟากความรู้สึกที่ ยูกิโอะ ไม่มี)

พลังสื่อสาร มาร์ธา สจ๊วต ญี่ปุ่น

ด้วยความสามารถในการบริหารจัดการทั้งภายในและนอกบ้าน และรู้จักการใช้พลังสื่อสารมวลชนได้เกิด 'พลังแห่งการสื่อสาร'จึงทำให้ ภรรยาผู้นำคนใหม่ของญี่ปุ่นคนนี้มีภาพลักษณ์ ผสมผสานเชิงบวกที่ เป็นทั้ง 'มาร์ธา สจ๊วต' เจ้าแม่ไลฟ์สไตล์คนดัง บวกกับ 'โอปราห์ วินฟรีย์' พิธีกรผิวสีผู้ทรงอิทธิพล ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของผู้นำสหรัฐคนล่าสุดอย่าง โอบาม่า อันเนื่องมาจากความสนใจที่หลากหลายของเธอ ที่สามารถสร้างกระแสตอบรับได้เป็นอย่างดีจากคนญี่ปุ่นมาแล้ว

จึงไม่แปลก ที่ทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงเก่งที่มีบทบาทและประสบความสำเร็จอีกคนหนึ่ง ซึ่งอาจเรียกเธออีกอย่างหนึ่งว่า มาร์ธา สจ๊วต แห่ง เกาะญี่ปุ่น ก็คงไม่เกินเลยไป

ดังนั้น มิยูกิ จึงนับเป็นผู้หญิงเก่งอีกคนหนึ่ง ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จทางการเมืองของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เพราะไม่เพียงแต่ เธอได้แหกกฎเหล็กของการเป็นผู้หญิงอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน แล้ว ยังเป็นนักบริหารที่ใช้แนวทางในการบริหารจัดการแนวใหม่ ด้วยการจัดการโดยไม่จัดการ หรือเรียกอย่างหนึ่งว่าเป็น 'Life Composer' กับชีวิตคนญี่ปุ่นผ่านสื่ออีกด้วย!

'ครอบครัวอบอุ่น'
จุดขายภาพลักษณ์

นอกจากนี้ เธอยังคอยช่วยเหลือสามี ด้วยการเดินเคียงข้างแทบทุกครั้ง ในการปรากฎตัวเพื่อหาเสียง ด้วยบุคลิกภาพที่ไม่เหมือนใคร กับผมม้า และการแต่งกายล้ำสมัย พร้อมตอกย้ำภาพครอบครัวอบอุ่นที่สาธารณชนได้รับรู้จากปากของ ยูกิโอะ ที่มักจะชื่นชมภรรยาเสมอว่า 'ทุกครั้งที่เขากลับมาถึงบ้าน เขารู้สึกโปร่งโล่งสบายอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพราะเธอมีพลังในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ'

วาทกรรมนี้ นอกจากเป็นการสร้างจุดแข็งร่วมกันยังถือเป็นการวางกลยุทธ์ร่วมกันได้อย่างแยบยล เนื่องจาก เป็นวิธีการสื่อสารจากผู้หญิงถึงผู้หญิง จนถึงในครัวเรือน ทีช่วยลบจุดอ่อนและท่าทีที่แข็งกร้าวของ ยูกิโอะ ฮาโตยามะ ทำให้เขาทำงานได้ง่ายขึ้น ตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ ท่ามกลางภาวะกดดันจากประชาชน ในเรื่องการแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจ.

สุดยอดแม่ เทหมดหน้าตัก

นอกจาก ได้รับการสนับสนุนจาก 'เมียญี่ปุ่นปฏิวัติ' แล้ว นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่นคนนี้ ยังมีแบ็คอัพแข็งแกร่งจากผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลอีกคนหนึ่งหรือมารดาบังเกิดเกล้าของ ซึ่งก็คือ 'ยาซุโกะ ฮาโตะยามะ' ที่คนญี่ปุ่นรู้จักดี จนได้รับสมญานามกันว่า 'เจ้าแม่' หรือ 'Godmother' ทายาทสาวของผู้ก่อตั้งและผลิตยางบริดสโตน ผู้มีศักดิ์เป็นตาของ ยูอิโอะนั่นเอง

ก่อนเข้าสู่ถนนการเมือง แม่ของยูอิโอะ ถือว่าเป็นผู้มีบทบาทอย่างสูงในการเข้าสู่วงการนี้ของเขา ส่วนหนึ่งมาจากยาซุโกะเป็นนายทุนหลักในการมอบมรดกจำนวนกว่าพันล้านเยน ในการก่อตั้งพรรค DPJ ขึ้นมาในปี 1996 เพื่อสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมการเมืองให้ลูกชายทั้งสอง ซึ่งรวมถึงน้องชายอีกคนหนึ่งของ ยูกิโอะ ที่มีชื่อว่า 'คูนิโอะ' ซึ่งภายหลังได้ลาออกจากพรรค DPJ ไปร่วมกับ พรรค LDP เพราะมองว่า DPJ มีความเป็นซ้ายมากเกินไป

ทั้งนี้ยูอิโอะ ถือเป็นทายาทรุ่น 4 ของตระกูลการเมืองเก่าแก่ที่ถูกขนานนามว่า เป็น 'เคนเนดี้แห่งญี่ปุ่น' และยังเป็นตระกูลชนชั้นสูงที่เคยต่อสู้กับตระกูลของ 'ทาโร อาโซะ'คู่แข่งทางการเมือง จึงถือเป็นการต่อสู้กันของรุ่นหลาน หลังเคยต่อสู้กันมาในรุ่นปู่มาแล้ว

กล่าวได้ว่า เส้นทางสู่ความสำเร็จของเขานั้น ส่วนสำคัญเกิดจาก ปัจจัยการบริหารจัดการและแรงหนุนทั้งจากในบ้านและนอกบ้านไว้เป็นอย่างดี เพราะไม่เพียงแต่ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวที่มีทั้งแม่และเมีย เป็นผู้ประสานส่งพลังบวก การใช้สื่อสารมวลชน ประกอบกับ ความพร้อมทางด้านภูมิหลังของวงศ์ตระกูล ด้วยฐานรากอันแข็งแกร่งทั้งหมดนี้ จึงไม่ประหลาดใดที่เกิดปรากฎการณ์ 'Change' แบบถล่มทะลาย

********
คัมภีร์ส่งเสริมคะแนนเสียงฉบับ มิยูโกะ

ปัจจัยส่งเสริมคะแนนเสียง กับชัยชนะอย่างพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน

1. Motivating Movement ของหลังบ้าน

ผู้ส่งอิทธิพลต่อคะแนนเสียง ถือเป็นการสร้างคะแนนเสียง (โดยเฉพาะในหมุ่ผู้หญิง โดยผ่านตัวเธอที่ลงตลาดไปบอกถึงผู้บริโภค) อีกทั้ง มิยูกิ เป็นคนที่มีความเป็นศิลปินจากแบ็คกราวน์นักแสดง และ มีครีเอทีฟสูงในการเลือกสรรคำพูดเพื่อชักจูงใจคน อาทิใช้คำว่า 'เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น ฉันมักหยิบดวงอาทิตย์มาฉีกกิน เพื่อเพิ่มพลังให้ฉันทุกวัน'

2. Fairly tale story เรื่องเล่าพาฝันผสมไซ-ไฟ

คงไม่มีแม่บ้านคนใดไม่อยากฟังละคร และด้วยปัจจัยนี้ มิยูกิ จัดให้ด้วย เรื่องพาฝัน ไม่ว่าจะเป็นเคยไปดาวอังคารมาแล้ว กับมนุษย์ต่างดาว และที่สื่อมวลชนทั่วโลก ฮือฮามากที่สุดคือ ทอม ครู้ส ชาติที่แล้วเป็นคนญี่ปุ่น

และมีความสามารถในการเอ็นเตอร์เทนผู้คน มิยูกิ จึงสามารถเต้นท่า 'มูน วอล์คกอร์' ของ ไมเคิล แจ็คสัน ได้ทันใด เมื่อถูกคนร้องขอให้เต้น

3. Make him easier ปราบแมวอยู่หมัด

มิยูกิ ทำให้ยาสุโอะ มีความอ่อนโยนลง เพราะยูกิโอะค่อนข้างเป็นคนหัวแข็ง ตัดสินใจแน่วแน่ จนเกือบเป็น คนดุแฝงความรั้นดื้อรั้น เธอจึงเรียกเขาใหม่ว่า 'เอเลี่ยน' หรือ 'มนุษย์ต่างดาว' ด้วยความที่เขาเป็นคนตาโปน จะเห็นได้ว่า มิยูกิ มีความเป็นคนจินตนาการสูงเสมอ และยังเป็นหลังบ้านที่มาแปลกเพราะเธอเป็นคนที่ชอบดูหนังแอคชั่นเลือดสาด

4. Superhero Strategies

คัมภีร์ ไอ้มดแดง

ทันที่ ยูกิโอะ เข้ารับตำแหน่ง เขาประกาศนโยบายทันที ที่ๆ เคยหาเสียงไว้

จึงไม่แปลกว่า โพลล์นิยมมาตรึมเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพยายามขจัดนักการเมืองตามสายตระกูล ซึ่งมีผลให้การเมืองอ่อนแอ หรือความพยายามในการ รวมเอเชียให้เหมือนกับอียู รวมถึงเรื่องการใช้อัตราเงินเดียวกันอีกด้วย และที่สำคัญคือ 'ภราดรภาพ' และแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยทันที โดยเฉพาะความสัมพันธ์กับอเมริกาที่มี มิยูกิ เป็นตัวรอคอยสอดประสาน เทคนิคหลังบ้านสนทนาอยู่อย่างใจจดใจจ่อ

5. Life composer Policy เมื่อบทประพันธ์เพลงชีวิตบรรเลง

มิยูกิ เริ่มใช้คำจำกัดความว่าเธอคือ 'Life Composer' เมื่อสามีเริ่มเข้าสู่การเมือง และถือเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของเธอในฐานะภรรยาด้วย เพราะช่างเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์สามีนักการเมืองเป็นอย่างยิ่งในทุกเรื่อง ด้วยการสื่อสาร หลายช่องทาง ทั้งเขียนหนังสือ จัดรายการทีวี ฯลฯ และไม่น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ!

CommuCampAfterEnjoyEating



การกินคือภารกิจสำคัญ

CommuCamp 2 Meeting