วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2553

The Beginning Of Lanna Wellness on New year 2010

From this trip; i need my mom and All of you to get experience in Lanna ; ONCE in your life;}


Prartana Rattanasit ; Prartanar@gmail.com

***********************************************************************



CM trip ; Dancing crazy; BTW Modern and Stone Age -- เต้นระบำข้ามยุค

ปรารถนา รัตนะ*

*นามปากกาของ ปรารถนา รัตนะสิทธิ์





















(บรรยายภาพ -------พุ่งตรงตัดแผนที่ภาคกลาง)

Welcome 2 Stone Age
หลังผ่านสะพานแห่งความหลัง (สะพานเดชาฯ เมืองนครสวรรค์) ที่เป็นฉากหลังในเรื่องสั้นหลายเรื่อง ตัวละครเหล่านั้นยัง “ชัดลึก” ในความทรงจำอันงดงาม
“ให้ตายเถอะ ฉันจำบทสนทนาได้”
ฉันพยายามชวนชาวคณะ 6 ชีวิต เข้าเลี้ยวเพื่อกินตลาดโต้รุ่ง ตรงสี่แยกกลางตลาดนครสวรรค์ ที่เคยมีอดีต “วิวาทกรรม” หล่นเรื่อยราด เสียดายรถติดไฟแดงอยู่เลนซ้ายสุด ทำให้เลี้ยวขวาไม่ได้ และไม่มีใครเข้าใจเหตุผลว่า “ทำไมต้องกินที่นี่” เลยต้องแขวนท้องไปกินที่ศูนย์ขายของฝากนอกเมือง
ก่อนเราเราหยุดพักอีกครั้งที่ตลาดโต้รุ่งเล็กๆ ในจังหวัดตาก “เห็นตลาดเห็นชีวิตจริง”
หลังจากนั้นบุกตะลุยความมืดและพันโค้งเมืองลำปาง ตัดเขาสู่เชียงใหม่อย่างน่ากลัวที่สุด และฉันตั้งใจแล้วว่า จะไม่นั่งหน้าเช่นนี้อีกแล้ว เพราะเป็นครั้งแรกที่นั่งรถยนต์ขับยาวสู่เชียงใหม่ในยาวค่ำคืนดึกดื่น หลับก็ไม่ได้ แถมทางมืดเวียนเขา โอ้ มาย ก็อด (เป็นการทรมานแกนสมองและร่างกายที่ไม่สมเหตุสมผล)
สุดท้ายกว่าจะถึงดอยสะเก็ดเกือบตี 1 และเราหาบ้านรุ่นน้องไม่เจออีกต่างหาก วิบากกรรมครบถ้วน
แต่ฉันก็ยังมีปัญญา เข้าเมืองเพื่อซื้ออะไรบางอย่างไปดื่มกับเจ้าของบ้านรุ่นน้องมหาลัย น้องศักดิ์ นักเรียนทุนจากญี่ปุ่น ผู้นิ่งสงบ น่าสนทนาเป็นอย่างยิ่ง เราสองรอคอยเวลาเช่นนี้เสมอ
ขณะที่ทุกคนเข้านอนด้วยความอ่อนล้า ฉันกลับฉายไฟเข้าป่า และเพลิดเพลินกับช่วงเวลาหาฟืน
ก่อน ศักดิ์ จะมาร่วมวงหาฟืนก่อไฟ ยิ่งดึกยิ่งหนาว ฉันพูดแล้วมีควันออกจากปากและจมูก รู้สึกตกใจ เพราะฉันเป็นคนไม่ชอบอากาศหนาวเลย ชอบอากาศพอดี ไม่ร้อนเกินไม่หนาวไปมากกว่า สนทนาเราคุยกันเพลิน จนไก่ขัน พอดูนาฬิกา อ้าว 6 โมงเช้าแล้ว
6 โมงเช้าจึงเริ่มต้นพบจุมพิตหมอนและที่นอน

Panda Marketing ;
ยามเช้าหลานรักพยายามปลุกฉันตอน 9 โมงบอกว่า
“จะไปดูหลินปิง น้าเอ้”
“ไปเลย น้าเอ้จะนอน”
ฉันตัดบทไม่สนใจผู้ใด แต่ชาวคณะไม่ยอม บอกให้ไปหลับบนรถ (เออ ก็ได้อะ กูง่วงโคตร แต่จะหลับตอนไหนอะ)
สุดท้ายชาวคณะต้องการเนวิฯ อย่างดิฉัน ก็เลยลุกขึ้นหอบสังขารไปวางบนเบาะหน้า โดยอาบน้ำหรือเปล่า ไม่แน่ใจ (ลืมอะ) และพอได้นั่งเก้าอี้มือไม้ก็กางแผนที่ออโตเมติค
ฝันร้ายคืบคลานเข้ามา เมื่อเราติดหนึบสี่แยกบนซุปเปอร์ฯ เลี้ยวเข้าถนนห้วยแก้ว ยาวนานถึง 3 ไฟแดง ซึ่งปกติสำหรับแยกรัชดา-ลาดพร้าว แต่สำหรับเชียงใหม่ มันนานไปนิด
และเมื่อเลี้ยวเข้าถนนเราก็รู้ว่า ไม่ใช่ฝันร้ายของชาวคณะเท่านั้น แต่ ความฝันอันเลือนรางของหลานในการดู” หลินปิง”













สุดท้ายหลานสุดรักต้องไปถ่ายกับหุ่นแพนด้า เพราะคิวบ่ายเต็มแล้ว ได้แต่บอกหลานเดี๋ยวมาใหม่ไม่เป็นไร
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “อย่าไปไหนยามเทศกาล เพราะถึงไปก็เท่ากับไม่ได้ไป” Sad!

สวรรค์แห่งการ Synergy
จากสวนสัตว์ จึงขึ้นไปดอยสุเทพ แบบง่วงๆ แต่ไม่ยอมใช้กระเช้า จึงไปเดินขึ้นเดินลงคนเดียว ปล่อยชาวคณะให้ขึ้นกระเช้ากัน
ลงจากดอยสุเทพ พวกเราต่างวัยแต่น่วมและงอมจากการเดินทาง แม้มีเพื่อนที่เพิ่งถึงเชียงใหม่ ชวนออกมาในเมือง จึงไม่ไหวจริงๆ เรารีบนอนเพื่อรอไปซ่อมบำรุงร่างกายที่ น้ำพุร้อนสันกำแพง
โปรแกรม น้ำพุสันกำแพง เป็นที่รอคอยของแม่และป้า แต่ฉันไปน้ำพุร้อนสันกำแพง อย่างเฉยๆ เพราะเฉยๆ กับหลายๆ แห่ง แต่พอไปถึงกลับได้เห็นโมเดลการซินเนอร์ยี่ ของสหกรณ์การเกษตรฯ และการท่องเที่ยวฯอย่างน่าสนใจ
ในวันนั้น ฉันจึงเดินดูบริเวณโดยรอบ และเศร้าแสนลืมเอากล้องไปด้วย แต่ต้องยอมรับว่า นึกไม่ถึงว่า ถนนเปลี่ยว แล่นมาคันเดียว จะพาเรามาพบกับคลื่นมนุษย์มหาศาลที่จับจองพื้นที่กางเต็นท์กันเต็มพื้นที่
แม่เข้านวดแบบทั้งตัว และหลังแช่อาบในห้องส่วนตัว ฉันแค่แช่เท้า และเดินสำรวจเรือนเพาะชำ โรงแยกขยะในเขตไม่น่าดูรอบๆ คือความแห้งแล้ง บอกได้ว่า การที่มีต้นไม้สดสวยๆ น้องๆ ดอยตุง คงมีเฉพาะเทศกาล และต้องดูแลกันอย่างเต็มที่
โดยมีคำยืนยันจาก ศักดิ์ เขาเป็นนักเขียนเหมือนฉัน และเรายังครอบครองบทบาทกันอีกจำนวนหนึ่ง บทบาทนึงของศักดิ์คือนักวิจัยอิสระ หลังเข้านวดตัว 1 ชม. เขาจึงสรุปงานวิจัยให้ฟังว่า ปกติแล้ว จะไม่ได้มีคนแบบนี้ และไม่มีต้นไม้สวยงามขนาดนี้ และเจ้าหน้าที่ผู้นวดบอกว่าเพียงได้ 90 บาทจากราคาค่านวดชม.ละ 140 บาท
มันคงน้อยไปสำหรับพวกเขา แต่ฉันว่าโอเคนะ การจัดการบริหารสิ่งเหล่านี้ในขุนเขาแสนไกล คงต้องยอมรับการ “นวดกินแบ่ง”
ไม่มีเธอ ไม่มีฉัน ต้องมีเรา จึงมีกันและกัน
ขอบคุณสันกำแพงน้ำพุร้อนมากๆ เด็ดๆๆๆ



ควันไฟ บอกว่า ที่นี่มีมนุษย์

เย็นวันนั้น เรากลับจากน้ำพุสันกำแพง ระยะทางไกลประมาณ 20 กว่ากิโล ทำให้ได้พบกาด (ตลาด) เล็กๆ น่ารักหลายกาดอยู่ และฉันได้อาหารเหนือแท้ๆ คือ แกงฮังเล ที่คล้ายมัสมั่น ภาคกลาง แต่เหมือนใส่ขิงด้วย
รุ่งเช้าศักดิ์ เจ้าของบ้าน ไปเลื่อยไผ่ข้าวหลาม มาเตรียมทำข้าวหลามให้กิน หลังจากเราเดินชมไผ่ด้วยกัน ฉันขอหน่อไผ่มาปลูก แต่ด้วยความที่ไม่ใช่หน้าฝน ไม่ค่อยมีหน่อแทงยอด
ก่อนอำลาเชียงใหม่ เราล้อมวงเผาข้าวหลาม บรรยากาศการล้อมวงย่างข้าวหลามให้ความรู้สึกดิบๆ เหมือนยุคแรกๆ ของมนุษย์ที่เพิ่งค้นพบไฟ และไฟจึงเป็นสัญลักษณ์ของความมีชีวิต

สีสัน ย่ำ 4 วัด 4 พระธาตุ
ในฐานะอดีตนักศึกษาโบราณคดี และเลือกโท ประวัติศาสตร์ศิลป์ สายตาของเราๆ (ฉันกับรุ่นน้อง) จึงมองสถาปัตยกรรม โบราณสถานอย่างคุ้นเคย และสมัยเรียนไม่เคยมาฟิลด์ทริปไกลๆ ถึงเชียงใหม่ ส่วนใหญ่มาได้แค่ อยุธยา และไกลสุดครั้งหนึ่งที่พนมรุ้ง (แต่ตกรถ)
การได้ไล่แวะวัดและพระธาตุต่างๆ โดยมีน้องศักดิ์ ที่จบ ประวัติศาสตร์ศิลป์โดยตรง และเป็นวิชาการอิสระของ กรมศิลป์ ยิ่งทำให้การเยือน วัดในเชียงใหม่มีเสน่ห์ยิ่ง หลังขึ้นพระธาตุดอยสุเทพ ฯ วัดเจ็ดยอดเป็นที่หมายอันคลั่ง Crazed เหลือหลายกับลายปูนปั้นที่เป็นที่สุดของที่สุด x
หรือวัดสวนดอกก็มีพระธาตุงามๆ หน้าบันวิหารสุดวิจิตร วันเกตุการามที่เต็มไปด้วยหมา เพราะเป็นพระธาตุสำหรับคนปีจอ มีหมาทองตัวเบ่อเริ่ม เรายังพลาดวัดไทยใหญ่ เพราะเวลาไม่อำนวย เดี๋ยวคงได้ไปรีวิวกันอีกรอบ เพราะแม่ก็ติดใจ น้ำพุสันกำแพงเช่นกัน

ทริปเชียงใหม่ครั้งนี้ ฉันปิดสวิตซ์โลกออนไลน์ แต่ใจหวนคิดถึงเสมอ และรอวันกลับมา อยู่กับแม่ฉันต้องการให้เวลาทั้งหมดกับแม่
การได้กอดคอแม่ถ่ายรูปที่วัดเกตุการาม (ของคนปีจอ) ด้วยกัน ถือเป็นสุขสุดยอดและเป็นมงคลชีวิตที่สุดแล้ว

วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2553

วันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2553

Green Day Live in Bangkok jan 12;2010


















สุดยอดคอนเสิร์ท เดือนแรกของปี 2010


วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2553

when i am in Laos ; ไปลาวเถิด แล้วคุณจะรัก



เมืองท่าพะบาด แขวง บอลิคำไซ
หมู่บ้านวัฒนธรรมในความทรงจำ

Laos in my momories ; love Laos;}















ขนมไทยตามไปให้เรากิน (อาหารเช้า)



















ลาวกับ 3 g เขามีกันตั้งนานแล้วพี่ไทยจ๋า




























วันพฤหัสบดีที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2553

วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2553

บนดาวสีทอง หนังสือของศักดิ์ รุ่นน้องที่ศิลปากร และทำงานร่วมกันในหลายโปรเจ็คท์


































“บนดาวสีทอง” พเนจรร่อนใจในเวียดนาม หนังสือใหม่ จากนักเขียนรางวัลนายอินทร์อะวอร์ดส์ พ.ศ. 2549 พบสารคดีท่องเที่ยวเรียลลิสติค เปี่ยมอารมณ์ศิลปิน และกลิ่นไอความรักแสนรัญจวน



























ประวัตินักเขียน

ศิริศักดิ์ อภิศักดิ์มนตรี
เกิดที่ จังหวัด นครศรีธรรมราช

จบปริญญาตรี จาก คณะโบราณคดี (ประวัติศาสตร์ศิลป์) มหาวิทยาลัยศิลปากร
จบปริญญาโท จิตวิทยา จาก มหาวิทยาลัย โชกิ เกียวโต ประเทศญี่ปุ่น (นักเรียนทุน)
ปัจจุบันใช้ชีวิตเป็น อาจารย์ นักวิชาการ นักวิจัย อยู่ที่ ดอยสะเก็ด เชียงใหม่
พร้อมตามฝันด้วยการทำร้านและสำนักพิมพ์เล็กๆ ชื่อบุปผาชน
ทดลองการเกษตรพอเพียง และทำลองสเตย์




สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อนักเขียนโดยตรงที่ โทร. 080-502-7342
(ศักดิ์เลื่อยไผ่เพื่อไปทำข้าวหลาม ณ 31 ธค 52 วันสุขยุคหิน ณ ดอยสะเก็ด ชม.)